คราวที่แล้วแนะนำ
วิธีการอ่านหนังสือให้ทันนระยะเวลาที่จำกัด ไม่รู้ว่ามีคนไหนเอาไปลองใช้กันบ้างรึยัง ถ้าใครลองใช้แล้ว บอกกัน หน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ส่วนวันนี้มีเคล็ด(ไม่)ลับให้เอาไปใช้ในห้องสอบ รับรองว่า จะมาแบบปรนัย หรืออัตนัย ก็สามารถได้ร้อยเต็มแบบชิวๆ เลยค่ะ
ถ้าอยากได้ปรนัยร้อยเต็ม1) เมื่อได้ข้อสอบมา ให้รีบเขียนชื่อ-นามสกุล ชั้น เลขที่ ให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเริ่มทำข้อสอบการเขียนค้างๆ คาๆ แล้วไปทำอย่างอื่น จะทำให้เราลืม ที่สำคัญลืมแล้วลืมเลย แบบนี้ถ้าข้อสอบไม่มีชื่อ เรานั่นแหละจะเป็นคนที่เสียประโยชน์ แล้วจะมานั่งเสียใจทีหลังไม่ได้นะ หลังจากนั้นก็อ่านคำสั่งให้ดี ว่าเค้าให้กากบาท หรือ วงกลม หรือใช้วิธีฝน เพราะบางทีเผลอไปกากบาทแทนวงกลม ก็ถือว่าผิดคำสั่ง เสียคะแนนไปฟรีๆ ก็มี
2) คำนวณเวลาให้ดีๆว่าสอบกี่ชั่วโมง มีกี่ข้อ จะได้ไม่เกิดปัญหาเรื่องทำไม่ทัน และระหว่างทำก็ไม่ควรดูนาฬิกาบ่อยๆ เพราะจังหวะที่ก้มมองนาฬิกาจะทำให้เราพะวง และเสียสมาธิ แถมยังกดดันตัวเองอีกด้วย
3) ทำข้อที่ได้ข้อไหนไม่ได้ก็ไม่ต้องไปนั่งงมหาคำตอบให้เสียเวลา ให้ข้ามไปก่อน แล้วค่อยกลับมาทำทีหลัง
4) ข้อไหนไม่แน่ใจ ให้ยึดตามความคิดแรกของเราพราะความคิดแรกมักจะให้ความรู้สึกว่าคุ้นๆ เหมือนเคยอ่านเจอ และส่วนใหญ่ก็จะถูก หลายครั้งที่ม่ค่อยแน่ใจคำตอบ ก็แก้ไปแก้มา สรุปว่าของเดิมน่ะถูกอยู่แล้ว นึกแล้วยังเจ็บใจอยู่เลย ชิ!! หรือ ถ้าจะมั่วต้องมั่วอย่างมีหลักการ ใช้วิธีตัดช้อยส์ที่คิดว่าไม่ใช่ออกไป ทีนี้คำตอบที่ได้จากการมั่วของเราก็จะมีเปอร์เซ็นถูกมากขึ้นค่ะ
5) ถ้าข้ามข้อ ให้ทำเครื่องหมายไว้หน้าข้อนั้นด้วยจะได้รู้ว่าข้อนี้เรายังไม่ตอบ ข้อถัดไปจะได้ไม่เผลอหลงกากบาทคำตอบผิดช่อง เพราะถ้าผิดหนึ่งข้อ งานนี้ก็ผิดยาวเลยนะคะ บางทีกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงข้อสุดท้าย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเริ่มผิดจากข้อไหน งานนี้ลบกันหน้ามันแน่
6) ระหว่างทำอ่านโจทย์ให้ดีๆจุดเสียคะแนนที่สำคัญที่สุด คือ โจทย์ที่หลอกด้วยคำว่า
"ใช่" "ไม่ใช่" "ไม่" แม้จะทำตัวหนาจนแทบจะออกมาเบียดลูกกะตาแล้วก็ตาม เด็กไทยก็มักจะอ่านผิดตลอด แค่อ่านยังผิด คำตอบมันจะถูกได้ยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าให้คำคำเดียวมาทำให้คำตอบเปลี่ยนเชียว
7) ก่อนออกจากห้อง ตรวจทานคำตอบทุกครั้งว่าทำครบรึยัง ถ้ายังไม่ครบให้รีบทำ หรือตรวจทานว่าคำตอบกาตรงกับคำถามมั้ย วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายแต่สำคัญที่สุด ที่ป้องกันไม่ให้คะแนนรั่วไหลไปฟรีๆ นะ
ถ้าอยากได้อัตนัยร้อยเต็ม1) อ่านโจทย์ซัก 2 รอบ ตีโจทย์ให้แตกว่าเค้าถามอะไร และเพื่อกันหลงประเด็นต้องวงคำถามไว้ หรือ ดูว่าในข้อนั้นมีถามกี่คำถาม เพราะโจทย์ข้อนึงความยาวหนึ่งบรรทัด อาจจะมี 2 คำถามก็ได้ ส่วนใหญ่ มักจะลงท้ายว่า ต้องวงคำถามไว้ หรือ ดูว่าในข้อนั้นมีถามกี่คำถาม เพราะโจทย์ข้อนึงความยาวหนึ่งบรรทัด อาจจะมี 2 คำถามก็ได้ ส่วนใหญ่ มักจะลงท้ายว่า
"...หรือไม่ อย่างไร" แบบนี้เรียกว่ามีสองคำถาม และเวลาตอบก็ต้องตอบให้ครบนะทุกคำถามนะ เพราะแต่ละจุดก็จะมีคะแนน ถ้าไม่ตอบก็จะโดนหักคะแนนค่ะ
2)
เวลาตอบคำถามให้ทวนโจทย์ด้วย การทวนโจทย์ก็คือ เขียนซ้ำตามที่โจทย์ให้มา นอกจากจะทำให้คำตอบดูต่อเนื่องแล้ว ยังเป็นการทวนคำถามกับตัวเองด้วย เริ่ดปะล่ะ^^
3)
ตอบเฉพาะคำถามที่ถาม อย่าเกริ่นให้มีแต่น้ำ นอกจากจะเสียเวลาแล้ว การที่เขียนเยอะๆ แต่ไม่มีคำตอบในนั้น อาจทำให้อาจารย์อารมณ์เสียได้นะ อาจารย์บางทีเค้าก็ไม่ปราณีให้คะแนนค่าน้ำหมึกหรอก เพราะฉะนั้นเขียนเนื้อๆ ตรงประเด็นกันไปเลย น่าจะดีที่สุด
4)
ใช้ย่อหน้าบ่อยๆ เพราะการขึ้นย่อหน้าใหม่ เป็นการแบ่งประเด็นให้คนอ่านอ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น เพราะตามหลักการเขียนที่ดี หนึ่งย่อหน้าควรมีหนึ่งใจความสำคัญ นอกจากนี้ยังทำให้น่าอ่าน ไม่รกหูรกตามาเป็นปื้ดดด!! สายตาอาจารย์ท่านก็ไม่ค่อยดีแล้ว อำนวยความสะดวกให้ท่านนิดนึง ดังนั้นเรื่องรูปแบบก็สำคัญนะ ช่วยให้น้องๆ ได้คะแนนง่ายขึ้นด้วยล่ะ
5)
เรียบเรียงคำตอบในสมองให้ดีก่อนเขียนลงกระดาษคำตอบจริง เพราะถ้าเล่นเขียนสด ไม่ผ่านการเรียบเรียง คำตอบที่เขียนส่งก็จะวนไปวนมา จับใจความไม่ได้ สุดท้ายพอนึกเรื่องเขียนออก ก็เอาเข้าไปในเนื้อเรื่องไม่ได้อีก คำตอบที่เขียนออกมาก็ไม่ดีสมใจอยาก คะแนนก็จะไม่ดีตามไปด้วย หลังจากนั้นเขียนเสร็จก็อ่านทวนอีกซักรอบค่ะ
6)
เขียนลายมือสวยๆ สะกดคำให้ถูกต้อง เคยได้ยินมั้ยว่าอะไรที่ดูเรียบร้อย มักจะเตะตาคนได้ การเขียนก็เหมือนกัน ลายมือตวัดไปมา ใครจะไปอยากอ่านล่ะ เขียนช้าลงนิดนึง ใส่ความตั้งใจในการเขียนลงไปหน่อย แต่อาจารย์หยิบอ่านแล้วอารมณ์ดี ให้คะแนนตอนอารมณ์ดี มันก็คุ้มนะ
คุณดิต Dek - d อีกแล้วค่ะ